ภาพตัวอย่าง พระเครื่องพิธีเสด็จกลับของหลวงปู่สุภา และอาจารย์ชุม ชัยคีรี |
พระเสด็จกลับของหลวงปู่สุภา กันตสีโล อาจารย์ชุม ชัยคีรี พระเครื่องแนะนำ
จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๖ ได้มีการพาดหัวถึงการสร้างพระของท่านพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ว่ามีการหลอกลวง
อวดปฏิหารย์จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการสอบสวน มีการปล่อยข่าวต่างๆ นา เพื่อโจมตีการสร้างพระเครื่องในครั้งนั้น แต่การ
กับกันการสร้างพระเครื่องยังคงดำเนินการไปตามขั้นตอนและพิธี โดยมีตำรวจจากนครบาลเข้าเป็นสักขีพยานตลอดเวลาทุกขั้นตอน
จนพิธีการปลุกเสกเสร็จสิ้น พระอาจารย์ท่านนั้นและฆราวาสที่มาจากแดนใต้ได้ตกลงกันให้นำพระทั้งหมดที่ได้ทำการสร้างมาบรรจุ
ลงในถุงพลาสติกผนึกปิดอย่างดี และนั่งเรือนำไปทิ้งที่ทะเลเสร็จแล้วให้บรรดาลูกศิษย์กลับมารอที่วัด และได้เริ่มพิธีเรียกพระกลับ
จากทะเล ซึ่งพระเครื่องทั้งหมดก็ได้กลับมาปะรำพิธีอย่างครบถ้วน
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๔ หลวงปู่สุภา ได้สร้างวัดที่เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานไว้บนยอดเขา
เกาะสิเหร่ และท่านได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานแววพระเนตร จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระ
ราชทานให้ตามประสงค์ หากแต่พระพุทธไสยาสน์องค์นั้นยังมิได้มีวิหารครอบคลุม เป็นเพียงแต่ใช้สังกะสีมุงไว้เท่านั้น หลวงปู่สุภา
จึงมีความประสงค์ที่จะสร้างพระวิหารครอบคลุมพระพุทธไสยาสน์ เป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อให้สมพระเกียรติ แต่ยังขาด
ปัจจัยในการสร้างอีกมาก หลวงปู่จึงได้ทำการสร้างพระเสด็จกลับ เพื่อหาปัจจัยทำการดังกล่าวมาจัดสร้าง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ
พระเครื่องที่ควรค่าแห่งการสะสมและบูชา แต่ที่น่าเสียดายคือพระเครื่องชุดนี้ถูกเก็บกันเงียบในพื้นที่ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบที่
มาที่ไปกันอย่างแน่นอน จนเป็นพระที่เกือบจะสาบสูญไปแล้วจากวงการพระเครื่อง
หลวงปู่สุภาได้เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อพบอาจารย์ชุม ไชยคีรี แห่งสำนักเขาอ้อ ท่านเป็นอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถและมี
ความชำนาญในการสร้างพระมาเป็นเวลานาน จึงได้ขอความร่วมมือจากอาจารย์ชุม เพื่อนำเอาว่านยา แร่ธาตุที่ท่านสะสมไว้ตั้งแต่
ครั้งเมื่อท่านเดินธุดงค์ สร้างรูปพระและวัตถุมงคลเพื่อสมนาคุณแก่ศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธา ที่บริจาคปัจจัยร่วมทุนสร้างพระ
วิหารในครั้งนี้ อาจารย์ชุมมีความยินดีและอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ พร้อมกันนั้นได้มอบแร่ธาตุ ว่านยา ผงวิเศษกว่า ๑๐๐๐ ชนิด ที่ได้
สะสมไว้นำมาประสมกับว่านยาของหลวงปู่สุภา
นอกจากนั้นอาจารย์ชุม ได้ไปเชิญอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ อายุ ๗๔ ปี ซึ่งเป็นผู้ทรงความรู้ทางคุณพระและทางไสยศาสตร์เป็น
พิเศษอีกท่านหนึ่งมาร่วมด้วย และได้เข้าร่วมปลุกเสกตลอดพิธี ต่อจากนั้นก็ได้ปรึกษากันเรื่องหาสถานที่ทำพิธี เฒ่าแก่ยู่ลิ้น แซ่เฮง
ได้ขอร้องให้ไปทำพิธีที่วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ โดยให้เหตุผลว่าวัดสารอดเป็นวัดที่เก่าชำรุดทรุดโทรม และกำลังทำ
การบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่ หลวงพ่อสุภา และอาจารย์ชุม จึงได้ไปพบอธิการชนาง เอี่ยมอุดม เจ้าอาวาสและกรรมการวัด ทุกคนเมื่อ
ทราบเรื่องราวต่างก็ยินดีและให้ความสะดวกทุกประการ
พิธีสร้างพระถูกกำหนดขึ้นที่วัดสารอด ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๐๖ แต่การพิมพ์พระนั้นได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน
๒๕๐๖ และพิมพ์ครบ ๘๔,๐๐๐ องค์ แบ่งแยกเป็น พระทรงขุนแผนเรือนแก้ว ทรงพระรอด รูปและลูกประคำหลวงปู่คงของอาจารย์
ชุม รูปเหรียญหลวงปู่สุภา กันตสีโล จึงได้เริ่มมีพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๐๖ และพิธีสมโภชได้ทำเสร็จเรียบร้อยใน
วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๐๗ เวลา ๖.๐๐ นาฬิกา รวมเวลาทั้งสิ้นสองเดือนเศษ
มวลสารที่ใช้ในการสร้างพระเครื่อง
ว่านวิเศษ ๑๐๘ ชนิด เจาะจงเอาแต่ละชนิดที่มีคุณวิเศษแต่ละอย่างไม่ซ้ำกัน ซึ่งรวมทั้งว่านทั้ง ๗ ชนิดที่กล่าวถึงแล้วข้างต้นด้วย
ดอกไม้ต่างชื่อต่างสี ๑๐๘ ชนิด เฉพาะมีซื่อไม่ซ้ำกัน และจะขาดเสียไม่ได้จะต้องมีดอกว่านขันหมากเงินขันหมากทอง
ดินสังเวชนีย์สถานทั้งสี่ จากท่านอาจารย์คง วัดบ้านวาน จ.พัทลุง ซึ่งไปนำมาจากประเทศอินเดีย
ดอกไม้ที่พระสงฆ์ขอขมาโทษซึ่งกันและกัน ในวันเข้าพรรษา เฉพาะวัดที่มีชื่อป็นมงคลทั่วประเทศวันเดียว ๑๐๘ วัด
ดอกไม้ที่ประชาชนนำไปบูชาพระประธานในพระอุโบสถ ในสันจาตุรงคสันนิบาต ๑๐๘ วัด เริ่มตั้งแต่อาทิตย์ตกจนถึงเที่ยงคืน นำมาให้ถึงพร้อมกันในคืนนั้น
แม่น้ำในมหานที ๙ สาย และพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์อายุ ๑๐๐๐ กว่าปี
ตะไคร้น้ำที่พระบรมมหาเจดีย์ ๙ แห่ง
ดินโป่ง ๙ แห่ง
แร่ธาตุ ๙ ชนิด คือ แร่จักรนารายณ์ แร่สังฆวาณรณ์ แร่ดีบุก แร่ตะกั่วเถื่อน แร่พลวง แร่เหล็กไหล แร่หงอนไก่เหลือง แร่วิเศษ ๔๐๐ กว่าปี ผงวิเศษก้นกรุวัดขวิด สุพรรณบุรี
น้ำพระพุทธมนต์และน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาประสมว่านยา จากวัดที่สำคัญและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ขี้เถ้าธูปศักดิ์สิทธิ์ ๙ แห่ง
ผงวิเศษ ๑๐๘ กรุ ที่อาจารย์ชุม ไชยศิริ จัดหาด้วยตัวท่านเอง |
ผงกระดูกอาจารย์เกตุ วัดขวิด
ผงอาจารย์คง อาจารย์ของขุนแผน วัดตาลฯ
ผงแดงหุ่นพยนต์ อาจารย์เกตุ วัดขวิด
ผงดำหุ่นพยนต์ อาจารย์เกตุ วัดขวิด
ผงเขียว เนื้อชิน อาจารย์เกตุ วัดขวิด
ผงผสมแร่ธาตุก้นกรุ อาจารย์เกตุ วัดขวิด
ผงพระประธาน อาจารย์คลิ้ง วัดโสภา
ผงพระมหานิยม ในเจดีย์วัดโลกา
ผงยาวัดดอนไก่เตี้ย
ผงพระเนื้อชิน วัดกุฎีสงฆ์
ผงขุนแผนเนื้อดินเผา วัดบ้านกลาง
ผงพระพลายเพ็ชร์ พลายบัว วัดบ้านกลาง
ผงขุนแผนไข่ผ่าซีก วัดสุวรรณ๓มิ
ผงเนื้อชิน วัดพระธาตุ
ผงก้น กรุ วัดอาจารย์คง วัดตาล
ผงกระดูกอาจารย์คง วัดตาล
ผงไม้มะกอก อาจารย์คง วัดตาล
ผงพระหักป่น วัดตาล
ผงพระดินก้นกรุ วัดไทร
ผงพระเนื้อชิน วัดมหาธาตุฯ
ผงพระดินเผานาคปรก วัดมหาธาตุฯ
ผงพระดินเผาแบบโมคคัลลาน์ สารีบุตร วัดมหาธาตุฯ
ผงพระดินเผาแบบพระ 55 วัดมหาธาตุ
ผงอิฐคนโบราณในเจดีย์ วัดมหาธาตุฯ
ผงพระหักป่น กรุวัดสีชุม
ผงพระหักป่น กรุวัดพายหลวง
ผงพระหักป่น กรุวัดมังกร
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน วัดหินทั้ง
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน วัดปากทัง
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน หลวงพ่อโต วัดป่าม่วง
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน วัดเขาตะพานหิน
ผงพระเนื้อดิน วัดช้างล้อม
ผงพระเนื้อดิน วัดป่ากล้วย
ผงพระเนื้อดิน วัดโป่งมะขาม
ผงพระเนื้อดิน วัดป่าหญ้ากร่อน
ผงพระอัฐพราหมณ์ วัดศรีสวายได้จาก จ.พิษณุโลก ๑๗ กรุ
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน วัดโพธิ์
ผงพระเนื้อชินเนื้อดิน วัดดินดำ
ผงพระดินเผา วัดดอนลาม
ผงพระดินเผา วัดโป่งพยอม
ผงพระดินเผาชินราช วัดโบสถ์
ผงพระเนื้อชินเผาแบบนางพญา วัดต้นจันทร์
ผงพระเนื้อชินเนื้อดินเผา เนื้อทองเหลือง วัดปากน้ำ
ผงพระเนื้อดินเผา วัดสตือ
ผงพระเนื้อดินเผา วัดจุฬามณีฯ
ผงพระเนื้อดินเผา วัดปราง
ผงพระเนื้อดินเผา
ผงพระเนื้อชินดินเผา วัดตาปะขาวหาย
ผงพระเนื้อดิน วัดวิหารทอง
ผงพระสมเด็จนางพญาสีขาว วัดนางพญา
ผงพระเศียรพระหัก วัดพระพุทธชินราช
ผงพระเนื้อดินเผา วัดเจดีย์ทอง
ผงพระเนื้อดินเผา วัดประตูชัย
ผงพระเนื้อชิน เนื้อดินเผา วัดอรัญญิกาส
ผงดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด |
|
ผงพระเนื้อชินอ่อน วัดหูช้าง
ผงพระเนื้อชินอ่อน วัดคลองเปิด
ผงพระหักป่นวิหารพระร่วง
ผงสมเด็จนางพญาสีดำ วัเนางงำระยา
ผงพระเนื้อดิน เนื้อชินวัดลั่นทม ๑๐ กรุ
ผงพระคัมภีร์พระไตรปิฏก วัดพระมหาธาตุฯ
ผงพระพระพวย วัดพระมหาธาตุฯ
ผงตะไคร่พระเจดีย์ทุกพระองค์ วัดพระมหาธาตุฯ
ผงตะไคร่พระด้านทุกพระองค์ วัดพระมหาธาตุฯ
ผงตะไคร่วัดพระศรีมหาโพธิ์ วัดพระมหาธาตุฯ
ผงพระหักป่น วัดท่าเรือ
ผงพระดินเผา วัดนางเกรา
ผงอิฐพระเจดีย์ วัดท่าเรือ
ผงวัดท้าวโครต
ผงว่าน ๑๐๘ ของ พลตำรวจตรีขุนพัฒฑ์รักษ์ราชเดช ได้จากกรุเพชรบูรณ์ ๗ กรุ
ผงดินพระหักป่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ผงดินพระหักป่น วัดเสือ
ผงดินพระหักป่น วัดช้างเผือก
ผงดินพระหักป่น วัดพระแก้ว
ผงดินพระหักป่น วัดหลวงพ่อกบ
ผงดินพระหักป่น วัดมหาธาตุฯ
ผงดินพระหักป่น วัดสิงห์ฯ ได้จากกรุจังหวัดพัทลุง ๗ กรุ
ผงพระดินดิบสมัยศรีวิชัย ถ้ำคูหาสวรรค์
ผงอิทธิเจของท่านพระครูสิทธิยาภิรัตน์ วัดดอนศาลา อาจารย์เฒ่าวัดเขาค้อ
ผงดินพระหักป่น วัดเขาเจียก
ผงดินทองถ้ำ เขาไชยสน
ผงกระดูกคนโบราณ ในถ้ำเขาไชยสน
ผงดินดิบสมัยศรีวิชัย ถ้ำอกทะลุ
ผงถ้ำยายหอม เขาไชยสน ได้จากกรุจังหวัดลำพูน ๕ กรุ
ผงพระรอด วัดพระรอด
ผงพระสิบสอง วัดมหาธาตุฯ
ผงพระสาม วัดมหาธาตุฯ
ผงพระเปิ่ม วัดมหาธาตุฯ
ผงพระหักป่น วัดทับยืน และจังหวัดต่างๆ ๑๘ กรุ รวม ๑๘๐ กรุ
ผงพระสมัยทวาราวดีวัดพระประโทน นครปฐม
ผงเนื้อชิน วัดพระประโทน
ผงโทนพราหมณ์ สมัยทวาราวดี นครปฐม
ผงพระดินดิบ สมัยศรีวิชัย ถ้ำคีรีวิหาร จ.ตรัง
ผงพระดินดิบ สมัยศรีวิชัย ถ้ำเขาสาย จ.ตรัง
ผงสมเด็จวัดระฆัง ธนบุรี
ผงอิทธิเจ วัดหิรัญรูจี ธนบุรี
ผงเนื้อดิน เนื้อชิน วัดบึงสัมพันธ์ อุตรดิตถ์
ผงทองแท่นวัดพระแท่นศิลาอาสน์ อุตรดิตถ์
ผงในเจดีย์ดอยสุเทพ เชียงใหม่
ผงดินพระหักป่น วัดพระปราง สวรรคโลก
ผงดินเผากำแพงเพชร
ผงดินเนื้อชิน วัดมะละกอ พิจิตร
ผงพระหูยานหน้ายักษ์ หลวงพ่อจุก ลพบุรี
ผงสมเด็จวัดอินทร์ พระนคร
ผงนะปะถะมัง วัดหงษ์แพรก นนทบุรี
ผงพญาว่านมหาว่าน ของ อาจารย์เฒ่า วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
ผงพระเทพนิมิต ของอาจารย์ชุม ไชยคีรี
. |
พิธีพุทธาภิเษก
วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๐๖ เวลา ๖.๓๐ นาฬิกา ถือเป็นอุดมฤกษ์พุทธาภิเษก อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ เป็นผู้ทำ
พิธีบวงสรวงสังเวย อาจารย์ชุม ได้อัญเชิญวิญญาณขุนแผน ซึ่งท่านเคารพนับถือเป็นอย่างสูงในชีวิตของท่านโดยที่ถือว่าเป็นเทพชั้น
สูง เข้าประทับทรงเชิญเข้าร่วมการกุศล วิญญาณขุนแผนผู้ปรารถนาพระโพธิญาณก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้ทำพระเป็นรูปทรงขุน
แผนเรือนแก้ว พร้อมทั้งบอกตำราและวิธีการสร้างพระตามตำราอาจารย์คงผู้เป็นอาจารย์ของท่าน อาจารย์คงเป็นผู้สร้างพระขุนแผน
แผนซุ้มเรือนแก้วให้แก่ขุนแผนตั้งแต่ครั้งต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งขุนแผนเป็นแม่ทัพ ท่านรับเข้าประทับทรงเป็นประธานทำ
พิธีปลุกเสก บรรจุคุณให้มีคุณครบถ้วนตามคุณวิเศษของท่านเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิต
หลวงปู่สุภาเจิมเทียนชัย และอาจารย์ทั้งสามท่านร่วมกันอธิษฐานเชิญครูอาจารย์และเทพเข้าประจำในมณฑลพิธี วิญญาณขุน
แผนเข้าประทับตรวจความเรียบร้อยของพิธี อาจารย์อุทัยเข้าบริกรรมเริ่มตั้งธาตุ บรรจุธาตุเป็นเวลา ๘ ชั่วโมงพร้อมกันนั้นอาจารย์
ชุมนำพระผงวิเศษที่สร้างพร้อมกันรวม ๑๐๘ องค์ ไปโดยเรือยนต์พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๕ รูปไปทำพิธีบวงสรวงสังเวยกลางแม่น้ำแล้ว
กลับมาทำพิธีที่ศาลเทพารักษ์ที่ได้สร้างไว้ที่แม่น้ำหน้าวัดสารอด เชิญวิญญาณอาจารย์คงผู้เป็นอาจารย์ของขุนแผนเข้าประทับทรง
จุดเทียนชัย พระสงฆ์ชุดพุทธาภิเษก ๔รูป สวดคาถาจุดเทียนชัย หลวงพ่อสุภานั่งปรกฯ วิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรง อาจารย์ชุม
อาจารย์อุทัย เข้าทำการปลุกเสกพระสวดพุทธาภิเษก ขุนแผนพร้อมด้วยวิญญาณเทพ ทำพิธีปลุกเสกตลอดพิธีมี และบรรจุคุณโดย
พระอาจารย์ผู้ทรงคุณชุดละ ๙ อาจารย์และเชิญวิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรง บรรจุคุณตลอดพิธี โดยแบ่งเวลาออกเป็น ๕ ระยะ
ดังนี้
ระยะที่ ๑
ก. เสกตั้งธาตุ บรรจุธาตุ แต่งธาตุ เสกพระคาถาจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์พระพุทธมารดา เสกพระคาถาประสูติจากพระครรภ์ เสกพระคาถาเสด็จย่าง ๗ ก้าว พระอาการ ๓๒ พระคาถาบำเพ็ญพระบารมีจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๓ วัน
ข. เสกธาตุ ๔ อาการ ๓๒ อักขระ ๑๖ หัวใจของ ๕ หัวใจ ๑๐๘ อย่าง ๑๐๘ จบ เป็นเวลา ๓ วัน
ค. เสกธาตุ ๔ อาการ ๓๒ อักขระ ๑๖ หัวใจของ ๕ หัวใจ ๑๐๘ อย่าง คาถาชุดคงกระพัน อย่างละ ๑๐๘ จบ เป็นเวลา ๕ วัน
ระยะที่ ๒
เสกกันปืน มหาอุด กันวัตถุระเบิด ห้ามดิน น้ำ ลม ไฟ เสกผูก เสกกัน เป็นเวลา ๕ วัน
ระยะที่ ๓
เสกแคล้วคลาด เสกศักดิ์สิทธิ์ ๑ ไปกลับ เสกแปลงรูปหุ่นพยนต์ เสกกำแพงเพชรเจ็ดชั้น เสกมงกุฏพระพุทธเจ้า เป็นเวลา ๕ วัน
ระยะที่ ๔
เสกมหานิยม มหาเสน่ห์ มหาละรวย มหาลาภ เลิกรบ เลิกเบียดเบียน เป็นเวลา ๕ วัน
ระยะที่ ๕
เสกรวม เสกผูก เสกกัน ๔ วัน รวมเป็นเวลาพุทธาภิเษกและปลุกเสก ๓๐ วัน วันละ ๓ เวลา
พระอาจารย์-อาจารย์ และคณะกรรมการนำพระผงวิเศษทุกพิมพ์ที่สร้างขึ้นพร้อมกันในพิธี พระผงทุกรุ่นทุกพิมพ์ของอาจารย์ชุม
ที่เคยสร้างมาเมื่อครั้งก่อนๆพร้อมด้วยแบบพิมพ์ อธิษฐานบรรจุเข้าไปในกรุใต้ฐานพระประธานในอุโบสถวัดสารอด เมื่อเสกคาถา
ต่างๆ จบลงในระยะหนึ่งๆ ก็จะทำการพิสูจน์ทดลองคุณ ทดลองฤทธิ์ (ยิง-ฟัน-แทง-เชือด-เฉือน-กรีด-สับ) ต่อหน้าประชาชนผู้ที่สนใจ
ชม หลังจากทำการปลุกเสกพระคาถาบรรจุคุณ บรรจุฤทธิ์ ระยะต่างๆ ๕ ระยะแล้ว ก็เริ่มทำ "พิธีเสด็จกลับ" โดยพระรุ่นนี้กระทำ
พิธีเสด็จกลับถึง ๒ ครั้ง ๒ หนด้วยกัน ตามตำรับ "หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า" เต็มรูปแบบทุกประการ
ครั้งแรกที่ได้นำพระไปอาราธนาทิ้งลงในกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากหน้าวัดสารอด ประมาณ ๒๐ กว่ากิโลเมตรแล้วจึงกลับมา
บริกรรมพระคาถาเรียกพระให้ เสด็จกลับ มาที่วัดสารอด เขตราชบูรณะ กรุงเทพฯ โดยเริ่มจากการบวงสรวงสร้างศาลเทพารักษ์
คาดด้วยผ้าขาว แล้วจึงอาราธนาพระนำไปทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรือชื่อมงคล กอบลาภ แล้วให้พระเกจิผู้ทรงคุณ ทรงฤทธิ์
รวมตลอดถึงเกจิฆราวาสต่างๆ เช่น อาจารย์ชุม ฯลฯ เป็นต้น นั่งบริกรรมพระคาถาเรียกพระกลับมาที่วัด ด้วยอำนาจ พลังจิต จน
พระ เสด็จกลับ มาตกที่ศาลเทพารักษ์ วัดสารอด เขตราชบูรณะ กรุงเทพฯ จนหมด จึงเป็นอันเสร็จพิธี
การทำพิธีเสด็จกลับดังกล่าวมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายตลอดพิธี และมีประชาชนผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์ในพิธีนี้มากมายนับหมื่นคนทั้ง
คราวทำพิธีที่ วัดสารอด และที่สำนักสงฆ์ เกาะสิเหร่ โดยประชาชนผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างเล่าตรงกันว่า ขณะที่พระกำลังเสด็จกลับ
นั้น ตอนที่เห็น เป็นเวลากลางวัน แต่เห็น สายรุ้ง พาดผ่านมายังศาลเทพารักษ์อยู่ตลอดเวลา และเป็นเวลานาน และที่เพดานคาด
ด้วยผ้าขาว เริ่มมีน้ำหยด และผ้าขาวเริ่มหย่อนตัวลงทีละนิดๆ เหมือนมีวัตถุหนักชิ้นเล็กๆ บางอย่าง ตกลงมารวมตัวกันอยู่ตรงกลาง
จนผ้าขาวหย่อนตกท้องช้างลงมา ตามน้ำหนักของวัตถุเล็กๆ เหล่านั้น และยังมีรูปถ่ายที่เป็นหลักฐานในคราวนั้นยืนยันด้วยว่า นอก
จากพระเครื่องที่นำไปทำพิธีเสด็จกลับทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมีประคำ ๑๐๘ ทั้งเส้นเสด็จกลับตกลงมาด้วยเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่
สายตาผู้อยู่ร่วมในพิธี และผู้สังเกตการณ์ยิ่งนัก
ครั้งที่สอง ได้ทำ พิธีเสด็จกลับ ที่สำนักสงฆ์เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต ด้วยเหตุผลที่ว่ามีผู้ไม่เชื่อว่าพระจะ เสด็จกลับ มาได้จริง
จึงต้องมีการทำ พิธีเสด็จกลับ ยืนยันเป็นครั้งที่สอง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นทั้งที่กรุงเทพฯ และภูเก็ตคุณแม่บุญสืบ ไชยคีรี
ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของอาจารย์ชุม เคยปรารถเล่าให้ฟังว่า หากพระไม่เสด็จกลับมาจริงในเวลานั้นทั้งสองคราว ก็มีการเพ่งเล็งจาก
ฝ่ายกฏหมายบ้านเมืองว่า อาจารย์ชุมแสดงกลโกหกหลอกลวงประชาชน โดยในส่วนของคณาจารย์ ผู้ประกอบพิธีที่เป็นฆราวาส จะ
ถูกคุมขัง รวมไปถึงพระสงฆ์ก็จะถูกนิมนต์ให้สึกด้วย ซึ่งในตอนแรก ตำรวจนับพันนาย ก็มาล้อมบริเวณพิธีให้เต็มกันไปหมด ดังนั้น
ถ้าตามเวลาที่อาจารย์ชุมได้กำหนดไว้หากพระยังไม่ เสด็จกลับ มาท่านจะต้องถูกจับกุมทันที และหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ก็จะต้อง
ถูกจับสึกทันทีด้วย ฐานหลอกลวงประชาชน แต่ก็ไม่มีใครได้จับกุมท่านแต่อย่างใด เพราะพระได้ เสด็จกลับ ตกลงมาต่อหน้าต่อตา
คนร่วมนับหมื่นในพิธี ผู้ที่เคยทำการปรามาส และหมิ่นประมาท ท่านไว้ก่อนหน้านี้ ก็กลับตัวกลับใจมาขอขมา และขอเป็นลูกศิษย์ใน
ภายหลังกันอย่างมากมาย
พระขุนแผน "พิธีเสด็จกลับ" ปี ๒๕๐๖ รุ่นนี้จึงเป็นพระเครื่องอีกหนึ่งชุดที่น่าบูชามากๆ ครับ ทั้งเจตนาดี มวลสารดี พิธีดี และ
พุทธคุณดีอำนาจพุทธคุณเด่นมากทางด้านมหาอำนาจ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แก้ดวงชะตา เหมาะสำหรับเจ้าคนนายคนผู้มีหน้าที่
ตำแหน่งระดับสูงทุกประเภท ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ และพระบางส่วนเมื่อเสร็จพิธีแล้วอาจารย์ชุมได้นำไปโยนทะเลแล้วมา
นั่งสมาธิ ริมฝั่ง ใช้พลังจิตเรียกให้พระลอยกลับมาได้ซึ่งผู้คนในยุคนั้นเห็นได้เป็นประจักษ์ ว่าพระได้เสด็จกลับมาจริงๆ นับได้ว่ามี
พุทธานุภาพสูงสุด ผู้ใดมีไว้ประจำตัวไปแล้วได้กลับไม่ไปเจ็บและไม่ไปตายด้วยภัยนาๆ พระขุนแผนนี้มีประสบการณ์โดดเด่นมาก
ทางเมตตามหานิยม เสน่ห์ชั้นสูงผู้ใดนับถือประสพผลดุจคุณวิเศษของขุนแผนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
อาจารย์ชุมได้เปิดปฐมฤกษ์แจกพระให้แก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจในเครื่องแบบ ขณะแจกวิญญาณขุนแผน
เข้าประทับทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ หลวงพ่อสุภา กันตสีโล และอาจารย์อุทัยแจกพระและผ้ายันต์แก่ทหารตำรวจและประชาชน
ผู้บริจาคปัจจัย ไปจนถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ |